มีข้อสงสัยกันว่าทำไมนักกีฬาที่แข็งแรงจึงติดเชื้อไวรัสแล้วบางรายเสียชีวิต
บางก็เคยผ่านการแข่งขันที่แสนจะทรหด วันนี้ก็เลยอยากมาแชร์เรื่อง
มีความแข็งแรงกับภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอนั้นเป็นยังไง?
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างกายแข็งแรงอันนี้เป็นเรื่องจริง
แต่การออกกำลังกายเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของการมีภูมิคุ้มกันต่อโรคที่ดี
แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกหลักด้วย เช่น ออกกำลังกายหนักเกิน เยอะเกิน นานเกิน บ่อยเกิน
กลับทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงได้ เป็นต้น
การติดเชื้อไวรัส นักกีฬาจะแข็งแรงแค่ไหน ถ้ารับเชื้อมาแล้วยังไงก็ติดเชื้อได้
ส่วนอาการจะมากน้อยก็จะอยู่ที่ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ณ ขณะนั้นว่าอ่อนแออยู่หรือเปล่า
ถ้าภูมิคุ้มกันตก(อ่อนแอ)อาการก็อาจจะหนักได้
ไม่ว่าจะแข็งแรงกล้ามโตแค่ไหน ก็นอนซมเพราะไข้ได้ครับ
ดังนั้นภูมิคุ้มกันสามารถสร้างไปพร้อมๆกับความแข็งแรงได้ เพียงเข้าใจและทำเรื่องต่างๆให้พอดี
1. ภูมิคุ้มกันตัวแรกมาจาก กรรมพันธุ์ เป็นปัจจัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ใครมีมาน้อยอ่านข้อต่อไปเพิ่มได้
2. ทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานให้ครบ5หมู่ ทานผักผลไม้ให้มาก
ควรเสริมด้วยอาหารที่ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันโดยมากจะอยู่ในผักผลไม้ที่มี
เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี อาทิ ผักใบเขียวจัดหรือสีเหลืองส้ม
เห็ดต่าง ๆ และแร่ธาตุซิลีเนียม หรือสังกะสี ที่พบในเนื้อสัตว์ อาหารทะเล นม
หรือถั่ว เป็นต้น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเลวมากๆ
ทานโปรตีนให้มากๆ โปรตีนมีกรดอะมิโนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับภูมิคุ้มกันในการต่อต้าน
เชื้อโรคต่างๆ มีงานวิจัยว่าให้ทาน โยเกิร์ต นมเปรี้ยว จะดีต่อลำไส้
3. ทานน้ำสะอาด (ไม่เย็น) ให้เพียงพอทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอน ควรดื่มน้ำให้ได้ 2-3ลิตรต่อวัน
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อกระบวนการทำงานภายในร่างกาย อย่าปล่อยให้รู้สึกกระหายน้ำ
4. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้พอ นอนให้หลับสนิทเต็มอิ่ม อย่างน้อยวันละ 6 - 8 ชั่วโมง
5. ออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น แล้วทำให้เม็ดเลือดขาว
ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ แข็งแรงเพื่อจัดการกับเชื้อโรคได้ง่าย
อีกทั้งร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินออกมาหลังการออกกำลังกายเพื่อช่วยทำให้เรา
รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และความวิตกกังวล
เราควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์
จะช่วยให้ต่อมหมวกไตหลั่งฮอร์โมน DHEA
(สารตั้งต้นของฮอร์โมนเพศหญิงและชายที่ทำหน้าที่ช่วยต้านความเครียดและ
กระตุ้นภูมิต้านทาน) ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระหว่างวันควร เคลื่อนไหวตัวอยู่เรื่อยๆ เช่นนั่งทำงานก็ต้องลุกมายืดเหยียดบ้างเป็นต้น
ควรโดนแสงแดดยามเช้า หรือ ยามเย็นบ้างเพื่อเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกาย
วิตามินดี ทำให้ทำงานของกล้ามเนื้อ หัวใจ ปอด และสมองดีขึ้น
6. ลดความเครียด หาเรื่องสนุกๆ ขำๆ บันเทิงทำสม่ำเสมอ หัวเราะบ่อยๆ อย่าให้ร่างกายสะสมความเครียด
เพราะความเครียดเป็นตัวร้ายที่ทำให้สิ่งอื่นที่เราทำได้ผลที่ดีน้อยลงมาก
7. ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ฝึกผ่อนคลายจิตใจตนเองได้ด้วยการกำหนดลมหายใจหรือนั่งสมาธิ
การนั่งสมาธิสามารถช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน DHEA
ซึ่งนอกเหนือจากมีหน้าที่สำคัญช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้วยังมีบทบาทในการต้าน
โรคมะเร็งอีกด้วย
8. เล่นดนตรีการร้องเพลงช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มระดับแอนติบอดี
ที่ช่วยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ
9. อย่าให้น้ำหนักตัวมากเกินไป ให้คำนวณตามค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
เพราะไขมันจากความอ้วนจะทำให้การทำงานของปอดทำงานได้ลดลง
ช่วงนี้ก็ขอให้เพื่อนๆนักวิ่งมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง มาสร้างภูมิคุ้มกันด้วยกันจะได้สู้กับไวรัสได้
@likerunner
บทความสำหรับนักวิ่งที่เริ่มฝึกการวิ่ง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อดูแลรักษาสุขภาพ ให้กับสมาชิกชมรม NEED4SPEED และ ให้เป็นสาธารณะประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพ กาย ใจ ที่แข็งแรง ตลอดไป มีข้อสงสัย ร้องเรียน ยินดีนะครับ line: 0867897434
การจัดการพลังงานในการวิ่ง
การจัดการพลังงานในการวิ่ง วิ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน แคลอรี่ปริมาณมากน้อย ก็ขึ้นกับระยะทางที่วิ่ง และ ความเร็วที่วิ่ง และยังมีปัจจัยเ...
-
วันนี้ขอบคุณเพื่อนร่วมวิ่งeasy run @Panuwat และ @Prapart ลากไป 10km คลายกรดหรือ เพิ่มกรดไม่แน่ใจ มีหัวข้อคุยเรื่องกล้ามเนื้อเคยเอามาแชร์ต...
-
zone กับ เพซ จริงๆเป็นคนละส่วนกัน แต่ก็พอมีส่วนสัมพันธ์กันอยู่บ้าง ผมไม่แนะนำสำหรับมือใหม่นะครับ เพราะ เพจของมือใหม่เปลี่ยนไป ไม่คงที่นะ...
-
วันนี้เจอตาราง Cooper Test เลยอยากเล่าเรื่องวิ่งยาวๆหน่อยให้ฟัง ใครเบื่อก็ข้ามได้นะครับ มีเรื่องเล่า..เมื่อครั้งก่อนที่จะสนใจเรื่องว...